อำเภอแม่จัน


พระธาตุกู่แก้วคู่บ้าน แม่น้ำจันคู่เมือง ลิ้นจี่หวานลือเลื่อง รุ่งเรืองวัฒนธรรม

          ประวัติความเป็นมา
                  อำเภอแม่จันเดิมเป็นหมู่บ้านหรือตำบลหนึ่งในเขตควบคุมของเมืองเชียงแสนหลวง ตามพงศาวดารโยนก กล่าวว่าเมืองเชียงแสนมีพื้นที่ครอบคลุมบริเวณที่ราบลุ่มเชียงแสนทั้งหมดซึ่งอาณาเขตที่กว้างขวาง ต่อมาเมืองเชียงแสนหลวงได้เกิดน้ำท่วมบ่อยๆ ปีหนึ่ง น้ำจะท่วมเป็นเวลาหลายเดือน ชาวบ้านแถบนี้ที่มีอาชีพเพาะปลูกและทำนาไม่สามารถที่จะทำนาได้ จึงพากันอพยพมาทางใต้ ประมาณ 25 กม. มาอยู่ที่ " บ้านขิ" (ซึ่งปัจจุบันคือบ้านแม่คี หมู่ที่ 7 และหมู่ที่ 9 ตำบลป่าซาง อำเภอแม่จัน) ซึ่งมีบริเวณเป็นที่ราบกลุ่มกว้างมีแม่น้ำไหลผ่าน ทำเลดี เหมาะแก่การเพาะปลูก และทำนา และยังมีชาวบ้านมาตั้งบ้านเรือนก่อนแล้วเกือบ 400 หลังคาเรือน ประกอบกับเป็นเส้นทางค้าขายยังรัฐฉาน และยูนาน และต่อมาชาวบ้านเมืองเชียงแสนหลวง ก็อพยพตามมาอยู่รวมกันที่บ้านขิมากเพิ่มขึ้น ในปี พ.ศ.2424 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าให้เจ้าอินต๊ะ ซึ่งครองเมืองลำพูน ลำปาง และเจ้ากาวิละ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ประมาณ 1,500 ครัวเรือน ไปตั้งถิ่นฐานที่เมืองเชียงแสนหลวง และพระราชทานบรรดาศักดิ์ เจ้าอินต๊ะเป็นพระยาเดชดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองเชียงแสนหลวง



น้ำพุร้อนป่าตึง

              เป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่ใหญ่ที่สุดใน จ.เชียงราย อยู่ที่อำเภอแม่จัน ในเขตตำบลป่าตึง บนเนื้อที่เกือบ 10 ไร่ พบว่ามีบ่อน้ำพุร้อนขึ้นหลายจุด บางจุดพุ่งขึ้นสูงถึง 7 เมตรน้ำพุร้อนนี้เป็นน้ำร้อนที่ไหลขึ้นมาสม่ำเสมอ เกิดจากน้ำฝนที่ไหลซึมลงไปผสมกับน้ำข้างล่างในแหล่งเก็บกักเดิม โดยซึมไปตามรอยเลื่อนแล้วสัมผัสกับหินที่ยังร้อนอยู่ภายใต้ผิวโลก จึงได้รับความร้อนจนละลาย แร่ธาตุต่างๆ จากหินปะปนกับน้ำ เมื่อได้รับความร้อนเพิ่มสูงขึ้น ความดันจะเพิ่มขึ้นมาตามรอยแยกเลื่อน ปรากฏเป็นน้ำพุร้อนน้ำพุร้อน ที่อำเภอแม่จัน มีอุณหภูมิแหล่งกักเก็บในระดับ 175-200 องศาเซลเซียส น้ำที่พุ่งขึ้นมาจึงมีอุณหภูมิสูงและปานกลางต่างกันไป บางแห่งมีกลิ่นกำมะถันปนออกมาด้วยน้ำพุร้อน อำเภอแม่จัน ได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายแห่งหนึ่ง






ลานทองอุทยานวัฒนธรรมลุ่มแม่น้ำโขง



               ตั้งอยู่กิโลเมตรที่ 12 ของทางหลวงหมายเลข 1089 (แม่จัน - ท่าตอน) ห่างจากตัวเมืองเชียงราย 36 กิโลเมตร มีเนื้อที่กว่า 400 ไร่ จัดเป็นหมู่บ้านทางวัฒนธรรม เพื่อแสดงถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนบริเวณลุ่มแม่น้ำโขง ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นหุบเขา และลำห้วยขุนน้ำแม่จัน มีอุทยานไม้ดอกไม้ประดับนานาพันธุ์ ห้อมล้อมด้วยไร่ชา และสวนดอกท้อ มีกิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ ขี่ช้าง นั่งเกวียน มีการแสดงของช้าง การสาธิตต่าง ๆ เช่น การทำเครื่องเงิน เครื่องจักสาน การทำกระดาษสา การปั่นฝ้ายทอผ้า งานเย็บปัก ถักร้อยของชาวเขาเผ่าต่าง ๆ และสาธิตวิธีชงชาตามแบบฉบับของยูนนาน การแสดงศิลปวัฒนธรรมจากประเทศไทย ลาว จีน (ตอนใต้) พม่า เวียดนาม และกัมพูชา การแสดงจะมีระหว่างเวลา 11.00 - 12.00 น. และ 14.00 - 15.00 น. เก็บค่าผ่านประตูรวมค่าเข้าชมการแสดง คนไทย คนละ 100 บาท ชาวต่างชาติคนละ 200 บาท และยังมีฆ้องชัยใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 5 เมตร ให้ชมอีกด้วย เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 5377 2472, 0 5377 2475 กรุงเทพฯ โทร. 0 2272 2521-7



พิพิธภัณฑ์พระ



                 ตั้งอยู่ที่ 191 หมู่ 1 ถ.แม่จัน-เชียงแสน ต.จอมสวรรค์ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงพระพุทธรูปโบราณ และพระเครื่องเก่าแก่หลายสมัย อาทิ ในยุคคันธราราษฎร์, ทวาราวดี, เชียงแสน สุโขทัย, อู่ทอง, ลพบุรี, อยุธยา, รัตนโกสินทร์ จำนวนมากกว่า 500 องค์ รวมทั้งมีพระเครื่องชุดเบญจภาคี เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น. โทร. 0 53-653-038-9 ,01-603-8474 โทรสาร. 053-653-040



วัดหมื่นพุทธ


                 อยู่ที่บ้านไร่ ต.ท่าข้าวเปลือก จากตัวเมืองเชียงรายไปตามถนน เชียงราย- แม่จัน 11 กม. เลี้ยวขวาเข้าทางหลวง 1209 ไปอีก 29 กม. เป็นที่ประดิษฐานพระสังขจายที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีหน้าตักกว้างถึง 15 x 19 เมตร สร้างที่เมืองนานกิง สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นโลหะทองเหลืองแยกส่วนนำมาประกอบ โทร. 0-5376-7040


ที่มา : http://www.tourismchiangrai.com    วันที่ 8 มกราคม 2556

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น